หัวใจสำคัญของงานภูมิทัศน์ที่มากกว่าแค่ความสวยงามคือ ระบบที่ซ่อนอยู่เบื่องหลังHardscape เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่เป็น “โครงสร้างถาวร” ในงานภูมิทัศน์ ผสานกับ Softscape ที่เป็นส่วนของพืชพรรณต่างๆ โดย Hardscape จะครอบคลุมทุกสิ่งที่เป็นของแข็งที่ถูกนำมาติดตั้งหรือก่อสร้างในพื้นที่ เช่น ทางเดิน, ลานคอนกรีต, กำแพงกันดิน, บ่อน้ำ, น้ำพุ, ม้านั่ง, และงานโครงสร้างอื่นๆ ที่ช่วยเสริมฟังก์ชันการใช้งาน และความสวยงามให้กับสวนหรือพื้นที่โครงการส่วนในงาน Softscape จะประกอบด้วย ต้นไม้ใหญ่ ไม้พุ่ม สนามหญ้า และดอกไม้ ไปจนถึงการออกแบบการปลูกที่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และระบบนิเวศ เป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานโครงการสัมผัสได้โดยตรงและเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการสร้างภาพลักษณ์ (Branding) และตอบโจทย์ด้าน ESG (Environmental, Social, Governance) ขององค์กร
ทำไม Hardscape จึงมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับงานก่อสร้าง
การสร้าง Hardscape ไม่ใช่แค่งานตกแต่ง แต่เป็น “งานโครงสร้าง” ที่ต้องใช้หลักการทางวิศวกรรมและงานโยธาเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากการก่อสร้างไม่เป็นไปตามมาตรฐาน อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพและความปลอดภัยของโครงการโดยรวมได้ ดังนี้:
ความแม่นยำทางโครงสร้าง การติดตั้งฐานราก, การคำนวณการรับน้ำหนัก และการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากทำผิดพลาดอาจทำให้โครงสร้างเกิดการทรุดตัวหรือแตกร้าวในระยะยาวได้
ระบบระบายน้ำ การออกแบบ Hardscape ต้องคำนึงถึงการระบายน้ำเป็นหลัก เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมขังหรือน้ำไหลย้อนกลับ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างอาคารและพื้นที่โดยรอบได้
ความทนทานของวัสดุ การเลือกใช้วัสดุที่ทนทานต่อสภาพอากาศและการใช้งานหนัก จะช่วยยืดอายุของ Hardscape และลดต้นทุนการซ่อมบำรุงในอนาคต
ความท้าทายสำหรับผู้รับเหมาในการทำงาน Hardscape
สำหรับผู้รับเหมา การจัดการงาน Hardscape ถือเป็นความท้าทายที่ต้องอาศัยทีมงานที่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งทั้งในด้านการก่อสร้าง และภูมิทัศน์ เพราะต้องทำงานให้ถูกต้องตามแบบที่สถาปนิกหรือนักออกแบบวางไว้ หากขาดทีมงานเฉพาะทาง อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ เช่น
โครงการล่าช้า การขาดความเชี่ยวชาญอาจทำให้เกิดความผิดพลาดในระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งส่งผลให้ต้องแก้ไขงานซ้ำหลายครั้งและทำให้โครงการไม่สามารถส่งมอบได้ตามกำหนด
ต้นทุนบานปลาย การแก้ไขงานที่ผิดพลาดต้องใช้ทั้งเวลาและงบประมาณเพิ่มเติมโดยไม่จำเป็น ซึ่งทำให้งบประมาณของโครงการบานปลายเกินกว่าที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้น
ดังนั้น การเลือกใช้ทีมงาน Sub ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในงาน Hardscape โดยเฉพาะ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการช่วยให้โครงการสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด
Softscapes สำคัญต่อคุณค่าของโครงการอย่างไร
Softscapes คือองค์ประกอบที่มีชีวิตและเป็นหัวใจสำคัญของภูมิทัศน์อย่างแท้จริง ซึ่งประกอบด้วย ต้นไม้ใหญ่, ไม้พุ่ม, สนามหญ้า, และดอกไม้ ไปจนถึงการออกแบบการปลูกที่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และระบบนิเวศ Softscapes เป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานโครงการสัมผัสได้โดยตรงและเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการสร้างภาพลักษณ์ (Branding) และตอบโจทย์ด้าน ESG (Environmental, Social, Governance) ขององค์กร
Softscapes ที่ได้รับการออกแบบและดูแลอย่างดีจะช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับโครงการในหลากหลายมิติ ได้แก่
สร้าง First Impression (ความประทับใจแรก) สวนที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน มีความร่มรื่นและจัดวางอย่างมีดีไซน์ จะช่วยสร้างความรู้สึกดึงดูดและน่าประทับใจตั้งแต่แรกเห็น ทำให้โครงการมีบรรยากาศที่น่าอยู่และแตกต่างจากที่อื่น ๆ
เชื่อมโยง ESG & Carbon Credit การเลือกใช้ Softscapes อย่างชาญฉลาดเป็นก้าวแรกของการดำเนินงานด้านความยั่งยืน การเลือกต้นไม้ใหญ่ที่มีคุณสมบัติในการดูดซับคาร์บอน (Carbon Sequestration) หรือการเลือกใช้พันธุ์ไม้ท้องถิ่นที่ทนทานและใช้น้ำน้อย ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสามารถนำข้อมูลไปต่อยอดเพื่อจัดทำรายงานด้าน ESG ขององค์กรและขอรับรอง Carbon Credit ได้อีกด้วย
เพิ่มมูลค่าโครงการ งาน Softscapes ที่ทำอย่างมืออาชีพช่วยยกระดับโครงการทั้งในด้านมูลค่าทางการตลาดและประสบการณ์ของผู้ใช้งาน การมีพื้นที่สีเขียวที่สวยงามและได้รับการดูแลอย่างดีจะช่วยดึงดูดลูกค้าและนักลงทุน และทำให้โครงการของคุณดูน่าสนใจและมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นในระยะยาว
การใช้ Softscapes เพื่อสร้างจุดเด่นให้ธุรกิจบริการ
ในประเทศไทย ธุรกิจบริการอย่างโรงแรม, ห้างสรรพสินค้า, และโครงการ Mixed-use ไม่ได้ใช้ Softscapes เพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างจุดเด่นทางการตลาดและมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้า โดยมีรูปแบบที่ได้รับความนิยมดังนี้
1. สวนแนวตั้ง (Vertical Gardens)
สำหรับธุรกิจในเขตเมืองที่มีพื้นที่จำกัด สวนแนวตั้ง คือคำตอบที่ลงตัว การใช้พรรณไม้มาตกแต่งบนผนังอาคารหรือกำแพงไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวในแนวดิ่ง แต่ยังสร้างความรู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวาได้อย่างทันที สวนแนวตั้งยังช่วยลดอุณหภูมิภายในอาคารและเป็นงานศิลปะที่สะท้อนถึงความทันสมัยของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี
2. สวนสไตล์เขตร้อน (Tropical Gardens)
ด้วยสภาพอากาศของประเทศไทย สวนสไตล์เขตร้อน จึงเป็นรูปแบบที่เหมาะสมที่สุด โดยเน้นการใช้ไม้พุ่มและไม้ใบที่ให้ความรู้สึกร่มรื่น เขียวชอุ่ม และสบายตา สวนสไตล์นี้ช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นมิตร ทำให้ลูกค้ารู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติ และยังดูแลรักษาง่ายอีกด้วย
3. สวนมินิมอล (Minimalist Gardens)
สำหรับธุรกิจที่ต้องการภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและเรียบง่าย สวนมินิมอล จะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี การจัดวางที่เน้นความโล่ง โปร่ง และใช้พรรณไม้จำนวนน้อยแต่มีดีไซน์โดดเด่น จะช่วยสร้างบรรยากาศที่สงบและน่าค้นหา เหมาะสำหรับคาเฟ่, ออฟฟิศสมัยใหม่ หรือพื้นที่ที่ต้องการให้ความรู้สึกสะอาดและเป็นระเบียบ
4. สวนที่ตอบโจทย์ ESG (Environmental, Social, and Governance)
ในยุคที่ผู้บริโภคใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น Softscapes ได้ถูกยกระดับให้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน ธุรกิจหลายแห่งเลือกใช้พรรณไม้ท้องถิ่นที่ทนทานและใช้น้ำน้อย เพื่อลดการดูแลรักษาและสะท้อนความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง การใช้ Softscapes ในรูปแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนในระยะยาว แต่ยังเป็นการสื่อสารคุณค่าของแบรนด์ที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือในสายตาลูกค้าและนักลงทุน
Pain Point ของผู้รับเหมาที่ไม่มี Sub ด้านงานสวน
ผู้รับเหมาก่อสร้างหลายรายต้องเผชิญกับปัญหาและความท้าทายมากมาย เมื่อต้องรับผิดชอบงานภูมิทัศน์โดยไม่มีทีมงานที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ แม้จะเก่งในงานโครงสร้าง แต่การบริหารจัดการงานสวนนั้นเป็นอีกเรื่องที่ต้องใช้ทักษะและความเข้าใจที่แตกต่างกันออกไป
1. ขาดความรู้เฉพาะทาง
ทีมก่อสร้างอาจมีความเชี่ยวชาญในด้านการวางโครงสร้าง, การใช้คอนกรีต, และงานวิศวกรรมโยธา แต่กลับขาดองค์ความรู้เชิงลึกด้านพืชพรรณ เช่น การเลือกพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและดิน, การออกแบบระบบรดน้ำอัตโนมัติที่ประหยัดน้ำและมีประสิทธิภาพ หรือการวางแผนการบำรุงรักษาระยะยาว ซึ่งความไม่เข้าใจนี้สามารถนำไปสู่ปัญหาใหญ่ในอนาคตได้
2. งานล่าช้าจากการขาดการประสานงาน
เมื่อผู้รับเหมาหลักต้องจ้างผู้รับเหมารายย่อยหลายรายมารับผิดชอบงานที่แตกต่างกัน เช่น ทีม Hardscape และทีม Softscapes โดยไม่มีการประสานงานที่ดี อาจทำให้ตารางงานของโครงการไม่สอดคล้องกัน งานอาจหยุดชะงักและไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำหนดการส่งมอบงานโดยรวม
3. ปัญหาซ้ำซ้อนและต้นทุนที่บานปลาย
หากงานปลูกต้นไม้หรือจัดสวนไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดปัญหาตามมามากมาย เช่น ต้นไม้ไม่เติบโต, เกิดโรคระบาด หรือตายลงในที่สุด ซึ่งต้องซ่อมแซมและแก้ไขใหม่ ทำให้เสียทั้งเวลาและงบประมาณโดยไม่จำเป็น ปัญหาเหล่านี้สะท้อนถึงการขาดความเชี่ยวชาญและส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของผู้รับเหมาหลักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
4. ส่งมอบงานไม่ครบวงจร
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ลูกค้าคาดหวังคือการส่งมอบโครงการที่สมบูรณ์แบบในทุกมิติ หากสวนหรือพื้นที่สีเขียวที่ควรเป็นจุดเด่นกลับดูโทรมลงอย่างรวดเร็ว หรืองานไม่ตรงตามแบบที่ออกแบบไว้ ลูกค้าอาจไม่พอใจและมองว่าการทำงานของผู้รับเหมาหลักนั้นไม่มีคุณภาพ ซึ่งทำให้โอกาสในการรับงานในอนาคตลดลงอย่างน่าเสียดาย
สิ่งที่ทำให้ SO GREEN แตกต่างจากผู้ให้บริการทั่วไปคือ
ทีมผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ: วิศวกรภูมิทัศน์, รุกขกร (Arborist), และนักพฤกษศาสตร์ที่เข้าใจทั้งงานโครงสร้างและงานดูแลต้นไม้
งาน Hardscape คุณภาพสูง: ออกแบบและก่อสร้างที่แข็งแรง ปลอดภัย ใช้วัสดุที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และคงทนระยะยาว
งาน Softscapes มืออาชีพ: การปลูกและดูแลต้นไม้ที่คำนึงถึงระบบนิเวศจริง ใช้เทคโนโลยี Smart Landscape เช่น Smart Irrigation และ AI Plant Health Check
ระบบ Dashboard & Reporting: รายงานผลการทำงานแบบ Real-time พร้อมรูปเล่มสรุปรายงานสำหรับผู้บริหารโครงการ ทำให้ทุกขั้นตอนโปร่งใส ตรวจสอบได้ และสื่อสารต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างมั่นใจ
SO GREEN กับบริการครบวงจร Hardscape – Softscapes
หลายโครงการก่อสร้างมักเผชิญกับปัญหาที่ Hardscape และ Softscapes ถูกทำงานแบบ “แยกส่วน” ทำให้การส่งมอบงานไม่สอดคล้องกัน เกิดความล่าช้า และส่งผลกระทบต่อคุณภาพโดยรวมของโครงการ เช่น โครงสร้าง Hardscape ไม่รองรับระบบรดน้ำอัตโนมัติ หรือการเลือกพันธุ์ไม้ไม่เหมาะสมกับพื้นที่ที่มีเงื่อนไขเฉพาะ สิ่งเหล่านี้ล้วนกลายเป็นต้นทุนที่ซ่อนอยู่ (Hidden Cost) และบั่นทอนความน่าเชื่อถือของผู้รับเหมาในสายตาลูกค้า
SO GREEN จึงเข้ามาเป็น One-stop Landscape Solutions Partner ที่เชื่อม Hardscape และ Softscapes เข้าด้วยกันตั้งแต่ต้นจนจบ ผ่านการบูรณาการทั้งความรู้ทางด้านก่อสร้าง วิศวกรรม และพฤกษศาสตร์เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่
สิ่งที่ทำให้ SO GREEN แตกต่างจากผู้ให้บริการทั่วไปคือ
ทีมผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ วิศวกรภูมิทัศน์, รุกขกร (Arborist), และนักพฤกษศาสตร์ที่เข้าใจทั้งงานโครงสร้างและงานดูแลต้นไม้
งาน Hardscape คุณภาพสูง ออกแบบและก่อสร้างที่แข็งแรง ปลอดภัย ใช้วัสดุที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และคงทนระยะยาว
งาน Softscapes มืออาชีพ การปลูกและดูแลต้นไม้ที่คำนึงถึงระบบนิเวศจริง ใช้เทคโนโลยี Smart Landscape เช่น Smart Irrigation และ AI Plant Health Check
ระบบ Dashboard & Reporting รายงานผลการทำงานแบบ Real-time พร้อมรูปเล่มสรุปรายงานสำหรับผู้บริหารโครงการ ทำให้ทุกขั้นตอนโปร่งใส ตรวจสอบได้ และสื่อสารต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างมั่นใจ
สิ่งที่ลูกค้าได้รับจากการมี Partner ด้านงานภูมิทัศน์
การมี SO GREEN เป็นพาร์ทเนอร์ไม่ได้หมายถึงการได้ “ทีมจัดสวน” เท่านั้น แต่คือการยกระดับมาตรฐานทั้งโครงการให้มีความ น่าเชื่อถือ (Credibility) และ ยั่งยืน (Sustainability) ในสายตาลูกค้า นักลงทุน และผู้ใช้งาน
SO GREEN ทำงานบนระบบที่ครอบคลุม 3 มิติหลัก:
Reliable (เชื่อถือได้)
ทุกขั้นตอนของงานอยู่ภายใต้มาตรฐานสากล เช่น ISO 9001 (Quality Management) และ ISO 14001 (Environmental Management) พร้อม SLA และ KPI ที่วัดผลได้จริง เช่น อัตราการรอดของต้นไม้ >95% และความสมบูรณ์ของสนามหญ้า >90%Predictable (คาดการณ์ได้)
ด้วยระบบ Dashboard แบบ Real-time และรายงานเชิงลึก ลูกค้าสามารถติดตามความคืบหน้าของงานได้ทันที ลดความเสี่ยงจากงานตกหล่นหรือล่าช้า และช่วยให้ผู้บริหารโครงการวางแผนล่วงหน้าได้อย่างมั่นใจScalable (ขยายได้)
สำหรับโครงการที่ต้องการขยายขอบเขตพื้นที่สีเขียว ไม่ว่าจะเป็น Mixed-use, โรงแรมระดับห้าดาว หรือโรงงานอุตสาหกรรม SO GREEN สามารถเพิ่มกำลังการดูแลได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาเริ่มต้นใหม่
SO บริการดูแลสวน และ ปรับภูมิทัศน์ ครบวงจร
ภายใต้ บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ผู้นำด้านธุรกิจ Outsourcing ของไทยที่ยกระดับการให้บริการในทุกมิติติ สู่การเข้าไปร่วมคิด ออกแบบ วางแผน และ กำหนดกลยุทธ์องค์กร หรือ Strategic Partner ให้กับลูกค้า ด้วยประสบการณ์ในการบริหารงานด้านภูมิทัศน์กว่า 40 ปี พร้อมนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยจาก ทั่วโลก เข้ามาพัฒนาบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด นอกจากนี้เรายังมี benefit อื่นๆที่พร้อมให้คุณได้มากว่าอาทิเช่น
- มีทีมงานกำกับดูแลไซต์งานโดยเฉพาะ
- มีทีมรุกขกรและที่ปรึกษาด้านพฤษศาสตร์ระดับประเทศ
- มีการอบรมพัฒนาทักษะและความปลอดภัยในการทำงานก่อนเริ่มงาน
- มีทีมผู้เชี่ยวชาญจากส่วนกลางเข้าตรวจคุณภาพทุกเดือน
- มีห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ LAB ในการวิเคาระห์และตรวจสอบดินและปุ่ย
- ผ่านมาตรฐาน ด้านการบริหารจัดการ ISO9001 และ มาตรฐานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO14001-2005 และเป็นบริษัท Outsource รายแรกที่ได้ ISO ด้านการลดกระบวนการในการทำงาน หรือ LEAN ISO18404
สนใจบริการติดต่อ คุณจุ๋ม ที่เบอร์ 090-197-8513
หรือ @LINE : SO GREEN
กรอกแบบฟอร์ม ขอใบเสนอราคา คลิก
สรุป
Hardscape และ Softscapes เปรียบเสมือนสองเสาหลักที่ทำให้งานภูมิทัศน์สมบูรณ์ หากผู้รับเหมามองข้ามหรือทำงานแบบแยกส่วน อาจทำให้โครงการเสียทั้งคุณภาพและมูลค่าในระยะยาว การเลือก SO GREEN เป็น Partner ด้านงานภูมิทัศน์ จึงไม่ใช่แค่การหาผู้รับเหมาช่วย “จัดสวน” แต่คือการหาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่ส่งมอบผลลัพธ์ที่ เชื่อถือได้ (Reliable), คาดการณ์ได้ (Predictable) และ ขยายได้ (Scalable) เพื่อยกระดับคุณค่าของโครงการและตอบโจทย์ความยั่งยืนในทุกมิติ

Writer : Thanatwarit Phalinratthanadet
Digital and Performance Marketing. : SO-Siamrajathanee Plc.
Follow : Linkedin - Thanatwarit.p
นักการตลาดดิจิทัล มีประสบการณ์การทำ Performance Marketing และ SEO มากกว่า 5 ปี เชื่อว่าคอนเทนท์ที่ดีต้องมีประโยชน์ สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน จึงอยากแชร์เรื่องราวและแนวคิดที่ทำให้ “ธรรมชาติ” กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ธุรกิจและสร้างความสุขให้กับผู้คนอีกครั้ง

บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน)
329 ม.10 กุศลส่งสามัคคี ซ.1 ถ.รถรางสายเก่า สำโรง อำเภอพระประแดง สมุทรปราการ 10130
โทร : 02-363-9300

เบอร์โทร: 090-197-8513
เวลาติดต่อ จันทร์ - ศุกร์ 8:00 น.-17:00 น.

Line : @sogreen
เวลาติดต่อ จันทร์ - ศุกร์ 8:00 น.-17:00 น.
